วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

ฤดูฝน


                     การแบ่งฤดูกาลในประเทศอินเดียมีความแตกต่างจากการแบ่งฤดูกาลในประเทศไทย เนื่องจากลักษณะภูมิอากาศไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ ในประเทศอินเดียเองยังมีการแบ่งฤดูที่แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่และลักษณะภูมิอากาศอีกด้วย
         


คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา (บาลี) กล่าวถึงฤดูในประเทศอินเดียว่า มีการแบ่ง ๒ แบบ
          แบบแรกเป็นการแบ่งฤดูตามลักษณะภูมิอากาศของประเทศอินเดียทางภาคตะวันออกและภาคใต้ คือ แบ่งออกเป็น ๓ ฤดู ฤดูละ ๔ เดือน ได้แก่ ๑. เหมนฺต (เหมันต์) = ฤดูหนาว   ๒. คิมฺหาน (คิมหันต์) = ฤดูร้อน   ๓. วสฺสาน (วัสสานะ) = ฤดูฝน  
          ส่วนแบบที่ ๒ เป็นการแบ่งฤดูตามลักษณะภูมิอากาศของประเทศอินเดียทางภาคเหนือ คือ แบ่งออกเป็น ๖ ฤดู ฤดูละ ๒ เดือน ได้แก่ ๑. เหมนฺต (เหมันต์) = ฤดูหนาว   ๒. สิสิร (สิสิระ) = ฤดูหมอกหรือน้ำค้าง   ๓. วสนฺต (วสันต์) = ฤดูใบไม้ผลิ   ๔. คิมฺหาน (คิมหันต์) = ฤดูร้อน   ๕. วสฺสาน (วัสสานะ) = ฤดูฝน   ๖. สรท (สารท) = ฤดูใบไม้ร่วง



                   สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนนั้น พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถานได้อธิบายการแบ่งฤดูกาลในประเทศไทยไว้ว่า แบ่งตามลักษณะภูมิอากาศออกได้เป็น ๓ ฤดู ฤดูละประมาณ ๔ เดือน ได้แก่ ๑. ฤดูหนาว (กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน)  ๒. ฤดูร้อน (กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม)  ๓. ฤดูฝน (กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม)
        
                     จะเห็นได้ว่าการแบ่งฤดูกาลในประเทศไทยนั้นคล้ายคลึงกับการแบ่งฤดูกาลในประเทศอินเดียภาคตะวันออกและภาคใต้ซึ่งอยู่ในเขตมรสุม คือ มี ๓ ฤดู ดังนั้น หากจะนำคำเรียกชื่อฤดูในภาษาบาลีสันสกฤตมาเทียบใช้แทนคำเรียกชื่อฤดูในภาษาไทย ก็สามารถเทียบใช้ได้ดังนี้
                    เหมันต์      =      ฤดูหนาว
                    คิมหันต์     =      ฤดูร้อน
                    วัสสานะ    =       ฤดูฝน
                        ในช่วงระยะเวลาตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน  ฝนตกแทบทุกวัน ไม่ใช่สิ ฝนตกทุกวัน และบางวันก็ตกตลอดทั้งวัน ข้อเสียของฝนคือ ทำให้รถติด น้ำท่วมขัง ทำให้คนขี้เกียจไปโรงเรียน ไปทำงาน ถ้าเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง บางแห่งอาจมีลมกระโชกแรง ต้องเตือนให้ทุกคนระวังด้วยนะ  แต่ข้อดีของฝนคือ ทำเกษตรกรคนไทย สามารถทำนา ทำการเกษตรอื่นๆได้เช่น ปลูกผัก  ทำสวนผลไม้ ทำให้เกษตรคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น เลี้ยงชีวิตและครอบครัวได้






                                                                                                     เบญจมาศ  ทองบุตร




ที่มา : จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน  ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๕๖ มกราคม ๒๕๓๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น